วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

ตอนที่ 3 – เที่ยวโรงเรียนนายร้อยแซงต์ซีร์

ผู้เขียนได้ใช้ชีวิตอยู่กับการเรียนและเพื่อน ๆ ต่างชาติอย่างสนุกสนานผสมความลำเค็ญเล็กน้อย เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน แต่ความสนุกสนานไม่ได้จบลงแค่นั้น หลังจากจบหลักสูตรแล้ว ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม โรงเรียนนายร้อยแซงต์ซีร์ (Ecole Militaire Spéciale de Saint-Cyr) โดยมีวัตถุประสงค์ คือ ไปทำความรู้จักกับหน่วยงานและบุคลากร เพื่อการประสานงานระหว่างโรงเรียนนายร้อยทั้ง 2 ประเทศต่อไป ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก Lt.Col.Antoine GOURSOLAS ผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศสเป็นผู้กรุณาติดต่อให้ และทางโรงเรียนฯ ได้จัดการต้อนรับผู้เขียนอย่างดียิ่ง ก็เลยมีเรื่องมาเล่ามากมาย
หลังจากจบหลักสูตรการสอนภาษาฝรั่งเศสในวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2549 จาก CIFR ที่เมืองรอชฟอร์ช ผู้เขียนมีกำหนดการไปเยี่ยมชม โรงเรียนนายร้อยแซงต์ซีร์ ณ เมืองโกเอ็ตกิด็อง (Coëtquidan) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นเบรอตาญ (Bretagne) เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 31 มกราคม ถึงวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 ดังนั้น ในขณะที่เพื่อน ๆ คนอื่นต้องแบกกระเป๋าขึ้นรถไฟไปต่อเครื่องบินกลับบ้านเกิดเมืองนอน ผู้เขียนกลับมีรถยนต์ของกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสมารับถึงที่ (ไฮโซมาก) โดยมี M.Hervé GARREC อาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศสแก่ นนร.ต่างชาติที่แซงต์ซีร์เป็นผู้ขับรถมารับด้วยตนเอง เพราะช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ ผู้เขียนจะต้องไปอยู่กับครอบครัว Garrec ก่อน วันศุกร์จึงเป็นการเดินทางตลอดทั้งวัน M.Garrec ขับรถพาผู้เขียนดูวิวไปเรื่อย ๆ แวะให้เที่ยว เมืองแรนส์ (Rennes) นิดนึง ก่อนจะไปพักที่บ้านของอาจารย์ที่ เมืองล็องแดร์โน (Landerneau)

ผู้เขียนจะขอพูดถึงสุดสัปดาห์นี้สักนิด เพราะว่าประทับใจมากเหมือนกัน บ้านของครอบครัว Garrec เป็นบ้านหลังใหญ่แบบโบราณทำด้วยหินเป็นก้อน ๆ สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 สวยงามมาก ตั้งอยู่ที่เมือง Landerneau เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันตกเกือบถึงเมืองแบรสต์ (Brest) ที่เป็นเมืองท่าสำคัญของฝรั่งเศส เมือง Landerneau นี้ ผู้เขียนไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่เป็นเมืองที่สวยงาม มีเอกลักษณ์แบบแคว้นเบรอตาญที่ชัดเจน เรียบง่ายและสงบสุข ผู้เขียนเดินเที่ยวเก็บภาพในเมืองมามากมาย แถมครอบครัว Garrec ก็ดูแลผู้เขียนอย่างดีมากจนไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรได้หมด นอกจากนี้ อาจารย์ยังขับรถพาผู้เขียนไปเที่ยวเมืองแบรสต์ด้วย พาไปดู ถนนสยาม (Rue de Siam) หนึ่งใน 3 แห่งของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญในเมืองนี้ ถนนนี้ตั้งชื่อเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี ค.ศ.1686 ที่สยามประเทศส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จากนั้น ก็ไปดูโรงเรียนนายเรือฝรั่งเศส แล้วระหว่างทางขากลับจากเมืองแบรสต์นี่เอง ที่ผู้เขียนได้โดนหิมะหล่นแปะหัวเป็นครั้งแรกในชีวิต (ปกติ เคยเห็นแต่หิมะบนพื้นดิน จึงยังไม่หนำใจ) โอย... สุดสัปดาห์นี้ มีวินาทีประทับใจหลายเรื่อง นี่ขนาดยังไม่ได้ไปแซงต์ซีร์เลยนะคะเย็นวันอาทิตย์ M.Garrec พาผู้เขียนไปส่งที่ รร.นายร้อยแซงต์ซีร์ โดยผู้เขียนได้พักที่ Cercle de Lattre de Tassigny ซึ่งเป็นอาคารรับรองของนายทหาร ลักษณะแบบโรงแรม ห้องพักดีใช้ได้ ส่วนห้องน้ำนั้น อาบน้ำได้ แต่ถ้าต้องการทำธุระอื่น ต้องไปใช้ห้องน้ำรวม อยู่แค่สัปดาห์เดียวก็ไม่หนักหนาอะไร ส่วนเรื่องอาหาร มีห้องอาหารสำหรับนายทหารอยู่ชั้นล่าง ผู้เขียนสามารถไปรูดการ์ดรับประทานได้เลย (ขึ้นกับว่าจะนัดทานกับใครเท่านั้น!) แถมมีเคาน์เตอร์กาแฟให้ไปนั่งดื่ม สนทนาผูกมิตรกับคนอื่นไปพลาง ๆ ได้อีก ที่แน่ ๆ คือ ทุกคนทราบว่า ช่วงนี้ มีนายทหารหญิง(สาวสวย)จากประเทศไทยมาเยี่ยม ฉะนั้น เดินไปทางไหนใคร ๆ ก็รู้จัก เช้าวันจันทร์ นายทหารที่มีหน้าที่ดูแลผู้เขียนมารับไปฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับภาพรวมของโรงเรียนนายร้อยแซงต์ซีร์ พร้อมกับนักเรียนนายร้อยจาก West Point อีก 2 นาย ที่เพิ่งเดินทางมาเป็นนักเรียนนายร้อยแลกเปลี่ยนพอดี จากนั้นก็พาไปดู Musée du Souvenir ที่มีสไตล์คล้ายกับพิพิธภัณฑ์อาคาร 100 ปีของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แล้วนำไปแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน ผู้เขียนตื่นตาตื่นใจมากเพราะโรงเรียนสวยมาก บรรยากาศก็สวยด้วย ฤดูหนาวแบบนี้ อะไร ๆ ก็ดูขาวเป็นเกล็ดหิมะไปหมด แต่ที่ขนแขนลุกสุด ๆ คือ ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการโรงเรียน มีธงชาติไทยโบกสะบัดเคียงข้างกับธงชาติฝรั่งเศสอยู่บนยอดเสา จึงได้รู้ว่า เค้าให้เกียรติผู้เขียนมาก ตั้งใจที่จะต้อนรับเราอย่างเป็นทางการจริง ๆ บวกกับอาการเขินนิด ๆ เพราะในขณะนั้น ผู้เขียนเป็นแค่ร้อยโทหญิงตัวเล็ก ๆ (!!) แถมยังมาคนเดียวแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ นึกว่าแค่ให้มาเที่ยวเฉย ๆ พอสภาพการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว จึงค่อยรู้ตัวว่า เรามาในฐานะผู้แทนจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแห่งประเทศไทย ต้องวางมาดใหม่ทันที จะมาทำเป็นเด๋อ ๆ ด๋า ๆ ไม่ได้แล้ว... หน่วยงานที่ต้องรับดูแลผู้เขียนเป็นหลัก คือ ฝ่ายกิจการต่างประเทศ แต่หน่วยที่ต้องรับเลี้ยงเยอะหน่อยก็คือ แผนกวิชาภาษาต่างประเทศ เพราะจากตารางกิจกรรมที่จัดให้นั้น ผู้เขียนได้เข้าไปสังเกตการณ์ห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนนายร้อยฝรั่งเศสหลายครั้ง จึงมีผลพลอยได้ด้านเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษมาด้วย แต่ผู้เขียนต้องตกเป็นเครื่องมือประกอบการสอนตลอด ทุกห้องต้องให้ผู้เขียนแนะนำตัว และให้นักเรียนนายร้อยสัมภาษณ์ แล้วพวกนี้ก็ไม่เหมือนเด็กไทยทั่วไป โห...ยกมือแย่งกันถามจนหมดเวลา แต่ละเรื่องที่ถามก็ตอบยาก ๆ ทั้งนั้น เช่น เรื่องข้อมูลกองทัพไทย เรื่องก่อการร้ายภาคใต้ ฯลฯ นักเรียนนายร้อยฝรั่งเศสมีความกล้าในการพูดภาษาอังกฤษ แถมมีความกระตือรือร้นในการเรียน (แต่ตอนหลัง ครูมากระซิบบอกว่า เป็นเพราะมีแขกแปลกหน้าค่ะ ปกติก็มีเกเร แล้วก็ “หลับ” เหมือนกัน!!) เวลาผู้เขียนเดินตุหรัดตุเหร่อยู่ในตึกเรียน นักเรียนนายร้อยทั้งหญิง-ชาย ก็มาทักผู้เขียนกันเยอะ บางคนก็อุตส่าห์ไปกดกาแฟมาให้ดื่ม ชวนคุยด้วย น่ารักมาก ๆ
นอกเหนือจากการเข้าชั้นเรียน ผู้เขียนก็มีโปรแกรมฝึกกับ นนร.ฝรั่งเศสด้วย ทางโรงเรียนได้จัดหาชุดฝึกลายพราง เครื่องแบบชุดกันหนาว รองเท้าคอมแบต มาให้ครบชุด พอถึงเวลา จะมีนายทหารหนุ่มยศร้อยเอก จากกองพันต่าง ๆ ผลัดกันมารับ (กรี๊ด... หล่อสุด ๆ แต่มีแหวนที่นิ้วนางหมดแล้วทุกคน) จากนั้น ก็พาขึ้นรถจี๊ป ไปสมทบฝึกกับ นักเรียนนายร้อยตามที่กำหนด เช่น ฝึกยิงปืนประเภทต่าง ๆ ฝึกลาดตระเวน เดินทางไกล (เดชะบุญ...เค้าไม่ได้ให้แบกเป้ด้วย) นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผู้เขียน เพราะไม่ได้ฝึกแบบนี้มานานแล้ว และที่เคยฝึกวิชาทหารมา ก็จะออกแนวเหนื่อยร้อน เหงื่อแตกซิ่ก คราวนี้ ฝึกแบบเหนื่อยหนาว ปากคอสั่นหมด แถมได้ไปนั่งจุดไฟ กินอาหารเสบียง (ration) ของฝรั่งเศสด้วย เมนูก็เลยต่างจากของไทยโดยสิ้นเชิง สนุกดีค่ะ บางช่วงที่กำหนดว่าเป็นชั่วโมงกีฬา ผู้เขียนไม่มีชุดกีฬาไปด้วย ก็เลยได้แต่งชุดฝึก เดินออกกำลังกายในโรงเรียนอย่างอิสระ ผู้เขียนจึงได้ที เดินถ่ายรูปมุมต่าง ๆ อยากเดินไปไหนก็เดิน มีความสุขเหลือเกิน ระหว่างทางใครเจอก็ทักทาย ผู้เขียนเลยรู้สึกว่าเป็นการมาเยี่ยมชมที่อบอุ่น ประทับใจ และตลอดสัปดาห์ ผู้เขียนก็มีเพื่อนใหม่ เป็นร้อยโทหญิงสาวสวย จบโรงเรียนนายร้อยจากไอร์แลนด์ ชื่อ เคียรา (Ciara) เป็นอาจารย์แลกเปลี่ยนมาสอนภาษาอังกฤษที่แซงต์ซีร์ 1 ปี มาช่วยดูแล พาไปเที่ยวตอนเย็น พาไปเลี้ยงอาหารที่เมืองใกล้ ๆ อยู่ด้วยกันแค่สัปดาห์เดียว แต่สนิทกันเร็วมาก ทริปนี้ ก็เลยได้เพื่อนดี ๆ เพิ่มอีก 1 คน ตลอดระยะเวลา 5 วัน ผู้เขียนได้ทำกิจกรรมหลายอย่างตามที่เล่าไป นอกจากนี้ บางวันก็ได้รับเกียรติจาก Col.Pierre Augustin ผู้อำนวยการงานด้านการศึกษาต่างประเทศของแซงต์ซีร์ มาเชิญไปทานอาหาร ชวนไปยิงปืนพก (ทุกวันพุธ นายทหารทุกคนมีสิทธิไปยิงปืนเก็บคะแนนเพื่อคงความคุ้นเคยและรักษาระดับฝีมือ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด) และวันสุดท้าย ก็มีเลี้ยงส่งเล็ก ๆ โดย Col.Augustin ให้นักเรียนนายร้อยฝรั่งเศสที่เคยมาเมืองไทยทั้ง 2 นาย มาทานอาหารกับผู้เขียนด้วย แหม... พูดภาษาไทยเป็นไฟเลย แล้วผู้เขียนก็ได้พบกับ นนร.ประวิทย์ บำรุงรักษ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นนักเรียนนายร้อยไทยคนเดียวในแซงต์ซีร์ (ยังมีนักเรียนนายร้อยอีก 2 นายที่ยังอยู่อีกโรงเรียนเตรียมทหาร
แถวแวร์ซายเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งผู้เขียนได้ไปพบที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารไทยที่ปารีสในภายหลัง) หลังจากอาหารมื้อนั้น ก็มีทหารขับรถบึ่งพาผู้เขียนไปขึ้นรถไฟ TGV ที่เมือง Rennes เพื่อไปยังกรุงปารีส แล้วกระเป๋าเดินทางของผู้เขียนก็หนักมากเสียจนรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ต้องให้เค้าช่วยแบกไปเก็บให้ถึงบนรถไฟ... จากนั้น รถไฟก็เคลื่อนขบวนออก พาผู้เขียนมุ่งตรงสู่กรุงปารีส... เป็นอันสิ้นสุดการเยี่ยมชมโรงเรียนนายร้อยแซงต์ซีร์
นี่คือ หนึ่งสัปดาห์ในโรงเรียนนายร้อยแซงต์ซีร์ ที่ผู้เขียนประทับใจไม่มีวันลืม